วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

มุมมองด้านประชาธิปไตย

บ้านเมืองเราที่วุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ เพราะระบอบประชาธิปไตยมันไม่บริสุทธิ์ ซึ่งไม่เถียงว่าประชาธิปไตยมันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ผลประโยชน์ที่ว่านั้นคือผลประโยชน์ของประชาชน การเลือกตั้งนั้นเพื่อที่จะได้ผู้แทนหรือตัวแทนเข้าไปแบ่งปัน จัดสรร เงินเพื่อมาพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ซึ่งมีวิธีการแตกต่างกันไป แต่ บ้านเราไม่ว่าฝ่ายไหน ก็เอาแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง ปัญหาจึงเกิดขึ้นอย่างทุกวันนี้...
           ทางออกของประชาธิปไตย ก็คือ  การยอมรับเสียงส่วนใหญ่ ความอดทนต่อการตัดสินใจของตัวเอง และ การเรียนรู้เพื่อเกิดใหม่  นั่นคือทางออกของระบอบ... จากไซเคิลนี้เราจะห็นได้ว่าประชาธิปไตย จะมีวิวัฒนาการของมันเองไปเรื่อยๆ จนเข้าใกล้จุดสมดุลของระบอบ ตามวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ
           การยอมรับเสียงส่วนใหญ่นั้นต้องเริ่มจากกระบวนการเลือกตั้ง ผลที่จะได้มีสองทาง คือ ได้คนดี กับ ได้คนไม่ดีเข้าไป อาจจะมาจากการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง หรืออะไรก็ตาม ถ้าตรวจจับได้ก็ดีไป ถ้าจับไม่ได้ก็ปล่อยไปตามครรลองของธรรมชาติ การได้คนดีเข้าไปเป็นตัวแทน เราก็จะเห็นผลที่ดีกลับมาอย่างชัดเจน แต่ถ้าเราได้คนเลวจากการขายสิทธ์ ก็จะได้ผลลัพธ์ที่แปลไปตามกัน ก็ต้องอดทน เพราะนั้่นคือ บทเรียนที่ได้จากการกระทำของเราเอง ซึ่งสามารถเข้าไปแก้ไขได้ในอีก 4 ปีข้างหน้า... ในส่วนตัวแล้วผมไม่เห็นด้วยกับการประท้วง เพราะ มันสามารถเป็นเครื่องมือการล้มล้างประชาธิปไตยได้ ตัวอย่างเราสามารถเห็นได้ทั่วไป บางครั้งมันล้ำลึกเกินกว่าจะเข้าใจ... การจัดการกับนักการเมื่องที่ไม่ดีนั้น ก็ให้เป็นไปตามระบบ ซึ่งผมเห็นด้วยที่มีองค์กรอิสระคอยตรวจสอบฝ่ายบริหาร ซึ่งเมื่อถึงที่สุดคือการคืนอำนาจให้แก่ประชาชน ให้คนส่วนใหญ่ตัดสินว่าที่ผ่านมาพอใจกับการบริหารของตัวแทนที่เลือกเข้าไปหรือไม่?              การประท้วงของประชาชนถ้าเลี่ยงไม่ได้ น่าจะเป็นไปในทางกดดันให้ฝ่ายค้าน หรือ องกรณ์อิสระเร่งหาหลักฐาน เพื่อทำให้ข้อเท็จจริงปรากฏ ถ้าผิดจริงศาลจะทำหน้าที่ตัดสินคดีดำเนินตามกระบวนการเพื่อให้ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอีกครั้ง แต่ ถ้าคนส่วนน้อยประท้วงตัวเทนของคนส่วนใหญ่แล้วมันค่อนข้างขัดต่อการเคารพสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย ตัวอย่างที่น่าสลดใจคือการปฏิวัติโดยทหารแล้วประชาชนบางส่วนออกมาประกาศชัยชนะ ในแง่ของประชาธิปไตยแล้วผมถือว่าเราถอยหลังเข้าคลอง...ลองไปถามประเทศเพื่อนบ้านของเราดูว่าการอยู่ภายใต้เผด็จการเป็นยังไง...
          ผมไม่ได้อยู่ฝ่ายเหลือง หรือ แดง แต่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย บางเหตุการณ์ก็ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล และ บางเหตุการก็ไม่เห็นด้วยกับลุงกำนัน แต่ก็อดทนเพราะมันคือบทเรียนของประชาธิปไตย ที่เรารู้สึกและ สัมผัสได้จริง การปฏิรูปที่จะเกิดขึ้นน่าจะเป็นไปในทางที่ให้อำนาจเป็นของประชาชนทุกคนมากที่สุด โดยใช้ครรลองของระบอบประชาธิไตย คือ สามารถตรวจสอบทุกหน่วยงานที่รับเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ตลอดจนมาตราฐานที่บังคับใช้อย่างเสมอภาคและเป็นธรรม...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น